วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2557



คณะรัฐศาสตร์

การเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ .2475 ส่งผลให้มีการ จัดตั้งมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองขึ้นในปี พ . ศ . 2477 นับเป็นจุดเริ่มต้นอย่างเป็นรูปธรรม ของการจัดการเรียนการสอนวิชารัฐศาสตร์ในประเทศไทยกล่าวคือในสมัยแรกเริ่มนั้นการเรียนการสอนวิชารัฐศาสตร์ได้แทรกปะปนอยู่กับเนื้อหาของหลักสูตรวิชา “ ธรรมศาสตร์ บัณฑิต ” ( ธ . บ .) ในระดับชั้นปริญญาตรีในขณะที่ในระดับชั้นปริญญาโทและระดับชั้นปริญญาเอกของมหาวิทยาลัยวิชาธรรม ศาสตร์ และการเมืองได้แยกหลักสูตรออกเป็น 3 ทางอย่างชัดเจน ได้แก่ รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ และ เศรษฐศาสตร์


ต่อมาในช่วงปี พ.ศ. 2491-2492 ภายหลังจากเกิดความผันผวนทางการเมืองอย่างรุนแรงภายหลัง รวมทั้งการที่สภาพแวดล้อมทาง การเมืองระหว่างประเทศได้เปลี่ยนแปลงไป กล่าวได้ว่ามีผลกระทบโดยตรงต่อการจัดการเรียนการสอนของ มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง ซึ่งมีความเห็นใน แนวทางเดียวกันว่าการเรียนการสอนในหลักสูตรธรรมศาสตร์บัณฑิตนั้นมีความ “ ไม่เพียงพอ ” ที่จะผลิตบัณฑิตได้ตรงกับหน้าที่การงาน อีกทั้งธรรมศาสตร์บัณฑิต จัดการเรียนการสอนในแบบตลาดวิชา จาก แนวความคิดดังกล่าวข้างต้นประกอบกับการที่มีสภาวะแวดล้อมทางการเมืองทั้งภายในและ ภายนอกประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป ได้ผลักดันให้มีการ ลงมติให้ตรา “ ข้อบังคับเพิ่มเติมว่าด้วยการแบ่งแยกการศึกษาเป็น 4 คณะ และกำหนดสมัยการศึกษาและการสอบไล่ พ.ศ. 2492” ขึ้น ข้อบังคับดังกล่าวมีผลโดยตรงต่อ ระบบการศึกษาของมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง กล่าวคือ ได้มีการจัดตั้ง คณะรัฐศาสตร์ขึ้นเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ . ศ . 2492 ในสมัยแรกเริ่มของคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นั้น คณบดีและคณะ กรรมการร่าง หลักสูตรของคณะรัฐศาสตร์ ได้ทำการศึกษาเปรียบเทียบหลักสูตรของมหาวิทยาลัยต่างประเทศเป็น จำนวน หลายประเทศ รวมทั้งได้รับความช่วยเหลือในทางวิชาการจากผู้เชี่ยวชาญของมูลนิธิ Fulbright ซึ่ง เดินทางเข้ามาประเทศไทยในช่วงสมัยนั้นด้วย


นับจากวันนั้นตราบจนถึงปัจจุบัน คณะรัฐศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีคณบดีต่อ เนื่องกันรวม 18 คน ต่อมาในปี พ . ศ .2498 เมื่อมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รับความช่วยเหลือในทางวิชาการ โดยตรงจากประเทศสหรัฐอเมริกา ก็มีการเปิดแผนกวิชา รัฐประศาสน ศาสตร์ในระดับชั้นปริญญาโท โดยทำการเรียนการสอนทั้งในระบบภาษาอังกฤษและภาษาไทย เป็นต้น ในปี พ . ศ . 2502 คณะรัฐศาสตร์ ได้มีมติให้จัดตั้งแผนกการทูตในระดับชั้นปริญญาตรีขึ้นเป็นครั้งแรก ( หลังจากที่มีการเรียนการสอนในระดับชั้นปริญญาโทมาเป็นเวลาช้านาน ) รวมทั้งได้มีการจัดตั้ง แผนกบริหารรัฐ กิจ และแผนกรัฐศาสตร์ศึกษาในระดับชั้นปริญญาตรีเพิ่มเติมขั้นอีกสองแผนก ในช่วงต้นทศวรรษที่ 2510 เมื่อถึงช่วงต้นทศวรรษที่ 2520 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้เปิดการเรียนการสอนทั้งในระดับปริญญาตรีและปริญญาโทขึ้นรวม 4 แผนก ได้แก่ การปกครอง บริหารรัฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ( หรือแผนกการทูตเดิม ) และปรัชญาการเมืองก่อนที่จะยุบรวมลงเหลือ เพียง 3 แผนก ได้แก่ การเมืองการปกครอง บริหารรัฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ใน สมัยปัจจุบัน นอกจากนี้ นับตั้งแต่ทศวรรษที่ 2530 เป็นต้นมา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยังได้ตระหนักถึงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจสังคม และระบบการเมืองทั้งภายในและภายนอกประเทศว่าได้ มีการเปลี่ยนแปลงไป คณะรัฐศาสตร์จึงได้มีการเปิดการเรียนการสอนหลักสูตรพิเศษในระดับชั้นปริญญาโทขึ้นรวม 3 แผนก ได้แก่ หลักสูตรปริญญาโท สำหรับผู้บริหาร สาขาบริหารรัฐกิจ (EPA) หลักสูตรปริญญาโท สาขาการปกครอง สำหรับผู้บริหาร (MPE) และหลักสูตรปริญญาโท สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (MIR) ซึ่งจัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ ทั้งหลักสูตร

ในเบื้องต้นนี้อาจกล่าวได้ว่า การเรียนการสอนวิชา “รัฐศาสตร์” ช่วงก่อนปี พ.ศ. 2475 เน้นการมุ่งฝึกฝนบุคลากรเพื่อเข้าสู่ระบบราชการเป็นหลัก อีกทั้งยังมีขอบเขตเนื้อหาที่จำกัด ทั้งนี้เนื่องมาจากเนื้อหาของวิชารัฐศาสตร์ค่อนข้างขัดแย้งต่อระบอบการปกครองในช่วงนั้น
การเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475และเหตุการณ์สืบเนื่อง อันส่งผลให้มีการก่อตั้งมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองในปี พ.ศ. 2477 นับเป็นจุดเริ่มต้นอย่างเป็นรูปธรรมของการจัดการเรียนการสอนวิชารัฐศาสตร์ในประเทศไทย กล่าวคือ สมัยแรกเริ่มนั้น ในระดับชั้นปริญญาตรี การเรียนการสอนวิชารัฐศาสตร์ได้แทรกปะปนอยู่กับเนื้อหาของหลักสูตรวิชา “ธรรมศาสตร์บัณฑิต” (ธ.บ.) ส่วนระดับชั้นปริญญาโทได้แยกหลักสูตรออกเป็น 3 สาขาอย่างชัดเจน ได้แก่ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และเศรษฐศาสตร์ (ส่วนด้านการบัญชีนั้น ต่อมาได้มีหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงทางการบัญชีซึ่งเทียบเท่าปริญญาโท) ในขณะที่ระดับชั้นปริญญาเอกได้แยกเป็น 4 สาขา คือ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และการทูต
ต่อมาในช่วงปี พ.ศ. 2491-2492 เนื่องจากเกิดความผันผวนทางการเมืองอย่างรุนแรงจากการรัฐประหารวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 รวมทั้งการที่สภาพแวดล้อมทางการเมืองระหว่างประเทศในช่วงนั้นที่เปลี่ยนแปลงไป กล่าวคือ สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตได้ก้าวขึ้นมาเป็นอภิมหาอำนาจที่หวาดระแวงซึ่งกันและกันจนเกิดภาวะ “สงครามเย็น” ขึ้น ปัจจัยทั้งสองได้ส่งผลดังนี้
1.ระบบราชการของไทยในยุคนั้นเติบโตอย่างมาก ที่สำคัญที่สุด คือ ข้าราชการกระทรวงมหาดไทยกลุ่มหนึ่ง มีความเห็นว่าการเรียนการสอนในหลักสูตรธรรมศาสตร์บัณฑิตนั้นไม่สามารถผลิตบัณฑิตได้ตรงกับหน้าที่การงานของกระทรวงต่างๆได้อย่างเพียงพอ
2.มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองจัดการเรียนการสอนในรูปของ “ตลาดวิชา” ทำให้นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาออกไปมีอายุแตกต่างกันมาก อีกทั้งนักศึกษาจำนวนหนึ่งมีความตั้งใจที่จะออกไปมีบทบาททางสังคมและการเมือง แทนที่จะมุ่งรับราชการเพียงอย่างเดียว
3.การเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง ไม่ได้มีการฝึกฝนอบรมอย่างเพียงพอที่จะผลิตบัณฑิตออกไปประกอบวิชาชีพบางประเภท เช่น ทนายความ เป็นต้น

นายดิเรก ชัยนาม
จากผลกระทบดังกล่าว ทำให้คณะกรรมการมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองสมัยนั้น เช่น ศาสตราจารย์ดิเรก ชัยนาม ศาตราจารย์เดือน บุนนาค โดยมีพลเอกมังกร พรหมโยธี เป็นนายกกรรมการ ศาตราจารย์วิจิตร ลุติตานนท์ เป็นเลขาธิการ เป็นต้น ได้ลงมติตรา “ข้อบังคับเพิ่มเติมว่าด้วยการแบ่งแยกการศึกษาเป็น 4 คณะ และ กำหนดสมัยการศึกษาและการสอบไล่ พ.ศ. 2492” ขึ้น ซึ่งส่งผลให้มีการจัดตั้งคณะนิติศาสตร์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี คณะรัฐศาสตร์ และคณะเศรษฐศาสตร์ ขึ้นพร้อมกันเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2492
ในสมัยแรกเริ่มของการก่อตั้งคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้น คณบดีคนแรก คือ ศาสตราจารย์ดิเรก ชัยนาม และคณะกรรมการร่างหลักสูตรท่านอื่น ได้แก่ ศาสตราจารย์เสริม วินิจฉัยกุล ศาสตราจารย์ทวี แรงขำ พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร หม่อมเจ้าลักษณเลิศ ชยางกูร ศาสตราจารย์ ดร. ป๋วย อึ๊งภากรณ์ และ ดร.ยวด เลิศฤทธิ์ ได้ทำการศึกษาเปรียบเทียบหลักสูตรของมหาวิทยาลัยในต่างประเทศหลายประเทศ เช่น วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เป็นต้น รวมทั้งได้รับความช่วยเหลือทางวิชาการจากผู้เชี่ยวชาญของมูลนิธิ Fullbright ซึ่งเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในช่วงนั้นด้วย หลังจากนั้นการจัดการเรียนการสอนของคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปตามกาลสมัย ได้แก่
ในปี พ.ศ. 2496 ได้มีการเปิดแผนกประจำ ซึ่งนักศึกษาจะอยู่กินและนอนที่มหาวิทยาลัยขึ้น โดยนักศึกษาจะได้รับการศึกษาด้านวิชาการและได้รับการอบรมด้านระเบียบวินัยเป็นอย่างดี
ในปี พ.ศ. 2498 เมื่อมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้รับความช่วยเหลือด้านวิชาการโดยตรงจากสหรัฐอเมริกา จึงได้มีการเปิดแผนกวิชารัฐประศาสนศาสตร์ในระดับชั้นปริญญาโท โดยทำการเรียนการสอนทั้งแบบภาษาอังกฤษและภาษาไทย (ซึ่งต่อมาแผนกวิชารัฐประศาสนศาสตร์ ได้โอนย้ายไปเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2509)
ในปี พ.ศ. 2502 คณะรัฐศาสตร์ ได้มีมติให้จัดตั้งแผนกวิชาการทูตในระดับปริญญาตรีเป็นครั้งแรก ภายหลังจากที่มีการเรียนการสอนในระดับชั้นปริญญาโทมาแล้วระยะหนึ่ง
ต่อมาช่วงทศวรรษที่ 2510 ได้มีการจัดตั้งแผนกวิชาบริหารรัฐกิจ และแผนกวิชารัฐศาสตร์ศึกษา ในระดับปริญญาตรี เพิ่มเติม
ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า เมื่อถึงช่วงต้นทศวรรษที่ 2520 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เปิดการเรียนการสอนทั้งในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท รวม 4 สาขาวิชา คือ การปกครอง บริหารรัฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ(หรือแผนกการทูตเดิม) และปรัชญาการเมือง(หรือแผนกรัฐศาสตร์ศึกษาเดิม) ซึ่งต่อมาได้ยุบรวมเหลือ 3 สาขาวิชา คือ การเมืองการปกครอง บริหารรัฐกิจ การระหว่างประเทศ จนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ทศวรรษที่ 2530 เป็นต้นมา หลังจากยุคสงครามเย็นสิ้นสุดและเกิดกระแสโลกาภิวัตน์ ทำให้สภาพแวดล้อมทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงได้เปิดการเรียนการสอนหลักสูตรพิเศษในระดับปริญญาโท ได้แก่
1. หลักสูตรปริญญาโท สาขาวิชาการเมืองการปกครอง สำหรับผู้บริหาร (MPE) ซึ่งจัดการเรียนการสอนที่จังหวัดลำปาง (ต่อมาในปี พ.ศ. 2545 จึงได้ย้ายมาที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต)
2. หลักสูตรปริญญาโท สาขาวิชาการบริหารจัดการสาธารณะ สำหรับผู้บริหาร (EPA) ซึ่งจัดการเรียนการสอนที่กรุงเทพมหานคร
3. หลักสูตรปริญญาโท สาขาวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ภาคภาษาอังกฤษ (MIR) ซึ่งจัดการเรียนการสอนที่กรุงเทพมหานคร
ต่อมาในปี พ.ศ. 2542 เนื่องในวาระที่การสถาปนาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ครบรอบ 50 ปี จึงได้มีแนวคิดและการเตรียมการที่จะยกร่างหลักสูตรในระดับปริญญาเอกด้านรัฐศาสตร์อีกครั้ง และได้เปิดการเรียนการสอนที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในปี พ.ศ. 2545
ในปี พ.ศ. 2552 เนื่องในวาระที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ครบรอบก่อตั้ง 60 ปี คณะรัฐศาสตร์จึงได้เปิดการเรียนการสอนหลักสูตรปริญญาโท สาขาวิชาการเมืองการปกครอง สำหรับผู้บริหาร (MPE) ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์พัทยา และเปิดการเรียนการสอนหลักสูตรใหม่ คือ หลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิตควบรัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการเมืองและการระหว่างประเทศ ภาคภาษาอังกฤษ (BMIR) เป็นครั้งแรกในไทย โดยจัดการเรียนการสอนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

คณะรัฐศาสตร์

สอบตรง คณะรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์
การสอบรับตรงเข้าคณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มี 3 สาขา คือ สาขาวิชาการเมืองการปกครอง สาขาวิชาการระหว่างประเทศ และสาขาวิชาบริหารรัฐกิจรับสาขาละ45-50 คน (รวมทั้ง3สาขา135-150คน)
คุณสมบัตรของผู้รับสมัครสอบตรงคณะ รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้น ผู้สมัครจะต้อง
1.กำลังเรียนอยู่ มัธยมศึกษาปีที่ 6
2.มีผลคะแนนเฉลี่ย 4ภาคการศึกษา (ม.4-ม.5) 2.75 และผลคะแนนเฉลี่ย 4 ภาคการศึกษา(ม.4-ม.5) กลุ่มสาระวิชาสังคมศึกษา 2.50และของกลุ่มสาระวิชาภาษาต่างประเทศ 2.50(เรียนวิชาภาษาต่างประเทศทุกวิชาทุกภาษา นำมาเป็นผลคะแนนเฉลี่ยทั้งหมดไม่สามารถเลือกวิชามาคำนวณผลคะแนนได้)
สอบตรงคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เนื้อหาที่ใช้สอน
1.ความรู้ทั่วไปทางรัฐศาสตร์
2.เรียงความ
จำนวนรับตรงนักเรียนที่สนใจจะเข้าคณะรัฐศาสตร์ต่อปี
1. รัฐศาสตร์ สาขาการเมืองการปกครอง 45 คน
(คิดเป็นสัดส่วน 14% ของจำนวนรับทั้งหมดต่อปี )
(อัตราแข่งขันประมาณ 1:22.5)
2. รัฐศาสตร์ สาขาระหว่างประเทศ  45 คน
(คิดเป็นสัดส่วน 14%ของจำนวนรับทั้งหมดต่อปี)
(อัตราแข่งขันประมาณ 1:39.6)
3. รัฐศาสตร์ สาขาบริหารรัฐกิจ 45 คน
(คิดเป็นสัดส่วน  14% ของจำนวนรับทั้งหมดต่อปี)
(อัตราแข่งขันประมาณ 1:15.28) 
แนวข้อสอบสอบตรงรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
1.ส่วนแรก คือ ส่วนที่เป็นปรนัยหรือเลือกตอบ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่จะเน้นหนักไปที่ข่าวต่างๆซึ่งสอดคล้องกับความรู้ทางรัฐ ศาสตร์สำหรับบุคคลที่มีความสนใจด้านการเมืองและสังคมพึงจะรู้ เช่น ชื่อผู้นำประเทศสำคัญ บุคคลได้รับรางวัลโนเบล หรือเหตุการณ์ต่างๆที่เป็นประเด็นที่ถูกจับตามองบนเวทีโลก โดยข้อสอบส่วนนี้อาจจะมีการแทรกเนื้อหาความรู้เบื้องต้นในทั้งสามสาขาที่มี การสอบได้แก่ การเมืองการปกครอง บริหารธุรกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังนั้นน้องๆที่สนใจคณะนี้สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ดูทีวีหรืออ่านหนังสือพิมพ์ และทบทวนความรู้ในบทรัฐศาสตร์ที่เคยเรียนมา น้องๆก็จะสามารถผ่านประตูด่านแรกไปได้อย่างไม่ยากเย็น
2.ส่วนที่สองซึ่งจะทำการตรวจเมื่อส่วนแรกน้องผ่านเกณฑ์ที่กำหนด นั้นคือส่วนที่เป็นเชิงบรรยายหรืดอัตนัย สำหรับในส่วนนี้แต่ละสาขาก็จะมีแนวข้อสอบและทางในการตอบที่แตกต่างกันไป หากจะแยกให้ชัดเจน สาขาการเมืองการปกครอง คำถามจะเน้นไปที่เหตุการณ์บ้านเมืองในประเทศควบคู่กับแนวคิดประชาธิปไตย ซึ่งต้องตอบให้ลึกและชัดเจนที่สุด ในสาขาบริหารรัฐกิจนั้น คำถามจะเน้นไปที่แนวคิดทางการบริหารในปัจจุบันซึ่งน้องควรจะมีความรู้ อย่างดีเพราะคำถามจะถามตรงๆถ้ารู้ก็ทำได้เลยและสำหรับสาขายอดนิยมอย่างความ สัมพันธ์ระหว่างประเทศ คำถามมักจะเน้นไปที่บทบาทของไทยต่อเวทีโลก ไม่ว่าจะเป็นในแง่ชื่อเสียง หรือประเด็นปัญหาต่างๆของไทยที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศในช่วงนั้นๆซึ่ง น้องๆต้องเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีจึงจะทำได้อย่างสมบูรณ์
รายละเอียดการเรียนการสอน
-ให้ความเป็นกันเองกับน้องๆทุกคน เน้นสร้างความรู้ความเข้าใจมากกว่าการท่องจำ
-เจาะข้อสอบเก่าย้อนหลัง 3 ปี พร้อมเก็งข้อสอบในรอบใหม่
-สร้างความเข้าใจเรื่องราวที่เกี่ยวข้องในทางรัฐศาสตร์โดยการถกปัญหาร่วมกัน
-เน้นการสอนสดแบบถามตอบกันแบบตัวต่อตัว โดยพี่ๆที่มีประสบการณ์ในการสอนจากรั้วแม่โดม